รวม 10 เทคนิคการถ่ายภาพด้วย iPhone ให้สวยอย่างช่างภาพมือโปร ไม่ยากอย่างที่คิด คุณก็ทำได้

กิจกรรมยอดฮิตสำหรับบรรดาผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างเราๆ ก็คงหนีไม่พ้นการถ่ายรูป และแชร์ขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์กไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram และอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าหากเป็นรูปภาพที่สวยโดนใจ เพื่อนๆ ก็จะแห่เข้ามากดไลค์กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา จนนับกันแทบไม่ทัน โดยสมาร์ทโฟนรุ่นที่ถูกใช้ถ่ายภาพ และแชร์ขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์ก มากที่สุดรุ่นหนึ่งก็คงจะเดากันไม่ยาก เพราะนั่นก็คือบรรดา iPhone รุ่นต่างๆ นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดอย่างiPhone 6 และ iPhone 6 Plus หรือรุ่นยอดนิยมก่อนหน้านี้อย่าง iPhone 5S, iPhone 5C, iPhone 4S และ iPhone 4
แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบว่าการถ่ายภาพด้วย iPhone ให้ออกมาสวยเหมือนช่างภาพมืออาชีพ หรือช่างภาพมือโปรนั้นต้องทำอย่างไร ดังนั้นในวันนี้ทีมงานของเราจึงขอนำเอาเทคนิคการถ่ายภาพที่ง่ายๆ แต่ได้ผลดีเกินคาด สำหรับการถ่ายภาพสวยๆ ด้วย iPhone มาแนะนำให้ทุกท่านได้ทราบกัน
เทคนิคที่ 1 : จัดวางตัวเครื่องให้อยู่ในแนวนอนอยู่เสมอ
หากลองคิดๆ ดูแล้ว หน้าจอแสดงผลของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เราเจอในชีวิตประจำวัน มักจะถูกจัดวางให้อยู่ในแนวนอน ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์, เครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรือโน๊ตบุ๊ค นั่นก็เป็นเพราะว่าสายตาของคนเราถูกจัดวางไว้ในแนวนอนนั่นเอง ซึ่งก็คงจะดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก หากเราต้องเลือกถ่ายภาพในแนวตั้ง ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ขอแนะนำให้ท่านจัดวางตัวเครื่อง iPhone ให้อยู่ในแนวนอน แล้วพยายามเลือกถ่ายภาพให้อยู่ในแนวนอนอยู่เสมอ ก็น่าจะเป็นการดีที่สุด (แต่การถ่ายภาพบางประเภท เช่นการถ่ายภาพบุคคลเดี่ยวๆ การเลือกถ่ายในแนวตั้ง อาจจะดูเหมาะสมกว่า)
เทคนิคที่ 2 : จับถือให้มั่นคงราวกับเป็นกล้องดิจิตอลจริงๆ
บ่อยครั้งที่เรามักเห็นคนถือเครื่อง iPhone ขึ้นมาถ่ายรูปแบบไม่ระมัดระวัง อาจจะด้วยการจับถือด้วยมือเดียว หรือการจับถือแบบหมิ่นเหม่ ซึ่งนับว่าเสี่ยงต่อการทำเครื่อง iPhone ตกหล่นเสียหายเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้จับถือตัวเครื่องด้วยมือทั้งสองข้างด้วยความมั่นคง ซึ่งไม่เพียงแค่จะลดความเสี่ยงที่จะทำเครื่อง iPhone ตกหล่นเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มความนิ่ง และลดอาการสั่นไหวของภาพถ่ายได้อีกด้วย

ตัวอย่างของการจับถือตัวเครื่อง iPhone ให้มั่นคงด้วยมือทั้งสองข้าง
เทคนิคที่ 3 : ถ่ายเก็บไว้ 3 ภาพในคราวเดียว
การถ่ายภาพรวมกลุ่มกับเพื่อนหลายๆ คน มักจะเกิดปัญหาที่ทำให้ต้องเสียเวลากดถ่ายใหม่อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อถ่ายออกมาแล้วมีใครบางคนยังไม่พร้อม อาจหลับตาบ้าง อาจไม่มองกล้องบ้าง ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ได้ด้วยการเปิดโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง 3 ภาพในคราวเดียว ซึ่งการที่เราได้ภาพมาถึง 3 ภาพในคราวเดียว จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เราได้ภาพสวยๆ ที่สมบูรณ์แบบในทุกองค์ประกอบมากที่สุด และเป็นการรับประกันได้ว่า เราจะไม่พลาดรูปถ่ายดีๆ ในช่วงเวลาสำคัญ
เทคนิคที่ 4 : ขยันปรับเปลี่ยนท่าทาง ด้วยการนั่ง, นอน หรือปีนป่าย เพื่อมุมมองที่แตกต่าง
คำว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ ไม่เว้นแม้แต่การถ่ายภาพ ทั้งกล้องดิจิตอลดีเอสแอลอาร์ (DSLR) หรือกล้อง iPhone หากเราต้องการมุมมองของภาพที่แตกต่างไม่เหมือนใคร หรือมุมมองที่แปลกแหวกแนว แทนที่จะยืนถ่ายแบบสบายๆ ก็ควรจะต้องเพิ่มความพยายามกันอีกสักนิด ด้วยการออกแรงก้ม, นั่ง, นอนคว่ำ, นอนตะแคง, นอนหงาย หรือแม้กระทั่งปีนป่ายไปบนที่สูง เพื่อให้มาซึ่งภาพในมุมมองที่แตกต่าง จนเพื่อนๆ ต้องตกตะลึงในความสามารถ
เทคนิคที่ 5 : ไม่ใช้การซูมอย่างเด็ดขาด
แม้ว่ากล้องดิจิตอลบน iPhone และสมาร์ทโฟนแทบทุกรุ่นจะสามารถซูมได้หลายเท่า แต่ทว่านั่นไม่ใช่การซูมด้วยเลนส์ เหมือนกับกล้องจริงๆ ที่ยังคงรักษาคุณภาพของรูปภาพเอาไว้ได้ หากแต่เป็นการซูมแบบดิจิตอล ที่อาศัยซอฟต์แวร์ในการประมวลผล ซึ่งแทบจะคาดหวังในเรื่องของคุณภาพไม่ได้ เนื่องจากภาพที่ได้แม้จะใกล้กับวัตถุที่เราต้องการ แต่รายละเอียดต่างๆ จะไม่คมชัด เกิดอาการแตก และเบลอของภาพ จึงนับว่าไม่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นแทนที่เราจะเข้าใกล้กับวัตถุด้วยการซูมแบบดิจิตอล ก็แนะนำให้เปลี่ยนเป็นการเดินเข้าไปใกล้ๆ กับวัตถุที่เราต้องการถ่ายด้วยตัวเองจะดีกว่า
เทคนิคที่ 6 : โฟกัสไปยังจุดที่สำคัญที่สุด
สิ่งที่เรามักจะเห็นอยู่เป็นประจำจากภาพถ่ายที่นำมาใช้งานไม่ได้ และต้องตัดสินใจลบทิ้ง คืออาการเบลอในจุดสำคัญ เช่นแทนที่หน้าของตัวแบบจะชัดเจน แต่กลับเบลอ และไปคมชัดที่ฉากหลัง หรือวัตถุอื่นแทน ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ได้เจาะจงว่าจะโฟกัสไปที่จุดใดนั่นเอง ซึ่งทางออกก็ไม่ยาก เพราะกล้องของ iPhone เราสามารถสัมผัสที่หน้าจอ เพื่อเลือกจุดที่ต้องการโฟกัสได้อย่างอิสระ (Tap to Focus) โดยหลังจากที่เราเลือกจุดโฟกัสแล้ว จุดดังกล่าวก็จะมีความคมชัด และมีความสว่างที่ถูกต้องเหมาะสม

สัมผัสที่หน้าจอ เพื่อเลือกจุดโฟกัสได้อย่างอิสระ
เทคนิคที่ 7 : ใช้ฟีเจอร์ล็อคค่าโฟกัส และค่าชดเชยแสง
อย่างที่ทราบกันว่า ภาพที่ดี ควรจะประกอบไปด้วยมุมมองที่ดี, แสงที่เหมาะสม และการโฟกัสที่แม่นยำ ดังนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจกดชัตเตอร์ ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ก็ควรจะถูกต้องเหมาะสมเสียก่อน แต่ผู้ใช้งาน iPhone บางคนอาจจะเกิดปัญหากับจุดโฟกัส หรือสภาพแสงที่เปลี่ยนไปเองในแบบที่เราไม่ต้องการ ซึ่งปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการล็อคจุดโฟกัส และค่าชดเชยแสงเอาไว้ด้วยตนเองในแบบ Manual โดยให้เรากดค้างเอาไว้ประมาณ 3 วินาที ตรงที่จุดที่เราต้องการโฟกัส หลังจากนั้นจะมีแถบสีเหลืองที่เขียนว่า AE/AF Lock ปรากฏขึ้นให้เห็นบนหน้าจอ ซึ่งฟังก์ชัน AE/AF Lock นี้จะเป็นการปิดระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ และระบบชดเชยแสงอัตโนมัติ ดังนั้นเมื่อเราล็อคไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าเราจะแพนกล้องไปทางไหน จุดโฟกัส และค่าชดเชยแสงก็จะยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งง่ายต่อการจัดมุมมองของภาพให้สวยงามตามที่เราต้องการโดยที่เราไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องดังกล่าว

แถบแสดงการเปิดใช้งานฟังก์ชัน AE/AF Lock

ไม่ว่าจะเลื่อนวัตถุ หรือแพนกล้องไปอย่างไร จุดโฟกัส และการชดเชยแสงก็ยังคงเดิม
เทคนิคที่ 8 : เปิดใช้โหมด HDR เมื่อสภาพแสงไม่เป็นใจ
ผู้ใช้งาน iPhone หลายๆ คนมักจะบอกว่า เมื่อเปิดใช้งานโหมด HDR (High Dynamic Range) แล้ว การทำงานของกล้องจะช้าลง ซึ่งก็เป็นจริงดังว่า แต่ในทางกลับกัน โหมด HDR บน iPhone ก็นับว่ามีประโยชน์สำหรับการถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง โดยเมื่อเรากดถ่ายภาพด้วยโหมด HDR เครื่องก็จะทำการเก็บภาพทั้งหมด 3 ภาพภายในรอบเดียว ซึ่งแต่ละภาพจะประกอบไปด้วย ภาพที่มีค่าชดเชยแสงต่ำ, ภาพที่มีค่าชดเชยแสงสูง และภาพที่มีค่าชดเชยแสงในระดับปานกลาง ส่วนขั้นตอนต่อไป เครื่องก็จะทำการรวมส่วนที่ดีที่สุดของทั้ง 3 ภาพเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็คือภาพที่มีสภาพแสงที่สมบูรณ์ที่สุด ไม่มีส่วนใดที่มืด หรือสว่างจนเกินไป

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ไม่ได้เปิดใช้งานโหมด HDR

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด HDR

สามารถเลือกบันทึกไฟล์ภาพถ่ายแบบปกติเอาไว้ได้ด้วย
เทคนิคที่ 9 : เพิ่มแสงด้วยไฟแฟลช
หลายคนมักจะหลีกเลี่ยงการใช้ไฟแฟลชในการถ่ายภาพด้วยเหตุผลบางอย่าง เช่นทำให้หน้าสว่างเกินไป และทำให้หน้ามัน ดูไม่เนียน แต่ในบางสถานการณ์ การใช้งานไฟแฟลชก็ช่วยได้เป็นอย่างมาก ไม่เฉพาะแค่การถ่ายภาพในเวลากลางคืนเท่านั้น แต่รวมถึงการถ่ายภาพในสถานการณ์ที่แสงด้านหลังของตัวแบบมีความสว่างมากๆ ด้วยเช่นกัน โดยหากตัวแบบยืนหันหลังให้กับแสง ก็จะเกิดการย้อนแสง ซึ่งจะทำให้หน้าของตัวแบบดำมืดจนมองแทบไม่เห็น แต่หากเราเปิดใช้งานไฟแฟลชใกล้ๆ กับใบหน้าของตัวแบบ บริเวณใบหน้าของตัวแบบก็จะสว่างขึ้นมา ในขณะที่ฉากหลังก็ยังสว่างสวยอยู่เช่นเดิม
เทคนิคที่ 10 : ใช้แอปพลิเคชันตกแต่งภาพเพิ่มเติม
หลังจากที่เราได้ภาพต้นฉบับสวยๆ จากกล้องของ iPhone เก็บไว้ในเครื่องเรียบร้อยแล้ว ก็อาจจะยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราอยากจะปรับแต่งเพิ่มเติม เช่น แสง, สี หรือเอฟเฟกต์ ต่างๆ ซึ่งในเบื้องต้นแล้วเราก็สามารถใช้เครื่องมือปรับแต่งพื้นฐานที่ติดตั้งมาภายในเครื่องได้ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น ก็แนะนำให้ไปดาวน์โหลดแอปพลิเคชันตกแต่งภาพจาก App Store มาใช้งานเองจะดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าบน App Store มีแอปพลิเคชันตกแต่งภาพที่ยอดเยี่ยมอยู่มากมาย แถมดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีอีกต่างหาก เช่น Adobe Photoshop Express หรือ VSCO Cam ซึ่งมีฟีเจอร์ดีๆ อยู่เพียบ
สำหรับ 10 เทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ ที่แนะนำกันไปข้างต้น จริงๆ แล้วไม่ได้จำกัดเฉพาะเพียงแค่ iPhone รุ่นต่างๆ เท่านั้น ทุกท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสมาร์ทโฟนในแพลทฟอร์มอื่นๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ (Android) หรือสมาร์ทโฟนวินโดวส์โฟน (Windows Phone) เนื่องจากโดยรวมแล้วก็อาศัยหลักการพื้นฐานของการถ่ายภาพอย่างเดียวกัน (แต่รายละเอียด หรือการตั้งค่าต่างๆ อาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย) ซึ่งทีมงานก็เชื่อว่า ด้วยเทคนิคเหล่านี้ ก็น่าจะช่วยให้ผู้อ่านทุกท่านสามารถถ่ายภาพได้สวยสะดุดตาไม่แพ้ช่างภาพมือโปร และถูกใจเพื่อนๆ มากขึ้นอย่างแน่นอน
ที่มา : BostInno
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น