วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แบบทดสอบ

แบบทดสอบ
1.ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่คุณลักษณะของภาพถ่ายที่ดี ทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์?
ก. มีความหมาย                         ค. มีรูปแบบที่เหมาะสม
ข.มีเอกภาพ                              ง.เสียดสีสังคม
2.การมีประกอบภาพที่น่าสนใจผู้ถ่ายจะต้องมีทักษะในการถ่ายภาพยกเว้นข้อใด?
ก.มีความรู้ในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ถ่ายภาพของตนเอง.  ค.ขาดการใช้มวลในภาพถ่าย 
ข.มีความเชื่อมั่นในตนเอง                                                 ง.มีความรู้ในการประกอบภาพ
3.เครื่องมือช่วยในการปรับภาพให้มีความคมชัดในยprogram photoshopคืออะไร?
ก.sharpen                               ค.sketch
ข.stylize                                 ง.blur
4.การถ่ายภาพด้วยiphoneเมื่อสภาพแสงไม่เป็นใจเราจะสามารถใช้โหมดใดได้?
ก.HDR                                    ค.DSLR
ข.PSD                                     ง.RPG   
5.ภาพบันไดสีสูงหรือไฮคีย์จะมีแสงสว่างในระดับใด?
ก.ระดับสูง-สูงมาก
ข.ระดับสูง-ปานกลาง
6ภาพบันไดสีสูงหรือไฮคีย์จะให้ความรู้สึกอะไร(เลือกข้อที่ถูกที่สุด)?
ก.นุ่มนวล อ่อนหวาน โล่งสบาย 
ข.ปลอดโปร่ง โล่งใจ มีจุดเด่นชัดเจน
7.ภาพบันไดสีต่ำหรือภาพโลว์คีย์มีโทนสีแบบใด?
........................................................
8.หลักการถ่ายภาพให้ได้ภาพสีที่ดีมีอะไรบ้างจงยกตัวอย่าง?
.........................................................
9.ช่วงเวลาทองในการถ่ายภาพท่องเที่ยวหมายถึงอะไร?
.......................................................
10.จงยกตัวอย่างความสำคัญของภาพถ่าย?
...................................................









เฉลย
1. ง
2. ค
3. ก
4. ก
5.ข
6.ก
7.มืดๆ โทนสีเข้ม
8ให้แสงถูกต้องไม่มากหรือน้อย (Normal)ประกอบภาพที่ดีให่เข้าใจง่าย เน้นความสำคัญเพียงเรื่องเดียว เลือกระยะการถ่ายภาพหลาย ๆ ระยะตามจุดมุ่งหมาย เลือกฉากหลังที่ไม่ยุ่งเหยิง หรือมีสีใกล้เคียงกับวัตถุที่ถ่าย ถ่ายภาพให้เป็นธรรมชาติ  จัดภาพให้มีมิติ ถ่ายภาพให้มีชีวิตชีวา บรรจุสิ่งแปลกใหม่เข้าไปในภาพ เพื่อเพิ่มพูนความน่าสนใจ เตรียมกล้องให้พร้อมที่จะถ่ายภาพตลอดเวลา ทุกครั้งที่กดชัตเตอร์ถ่ายภาพโปรดนึกถึงคำ 3 คำ คือ "ชัด ดี หมาย"
9.ช่วงเวลาประมาณ5โมง  ถ้าเป็นวันที่มีแดด แสงแดดจะนุ่มเนียนตามากกว่าเวลาอื่น ๆ และเมื่อเราถ่ายรูปออกมา ภาพจะออกโทนเหลือง ๆ แดง ๆ  
10.มีความหมาย บันทึกความทรงจำ




เรื่องของบันไดสี

เรื่องของบันไดสี

อีกวิธีการหนึ่งในอันที่จะสร้างอารมณ์ซึ้งๆ ให้แก่ภาพถ่ายได้อย่างยอดเยี่ยม คือการควบคุมโทนสีของ ภาพให้เป็นภาพ โทนสีมืดและภาพโทนสีสว่าง แตกต่างกันอย่างชัดเจน ภาพประเภทดังกล่าวได้แก่ ภาพ “บันไดสีสูงหรือไฮคีย์” (High Key) และภาพบันไดสีต่ำหรือโลว์คีย์” (Low Key) 
ภาพบันไดสีสูงหรือไฮคีย์จะมีแสงสว่างระดับสูงและระดับกลางเป็นตัวยืน อารมณ์ที่ภาพประเภทนี้นำมา ให้ คือความร่าเริงแจ่มใส ให้ความรู้สึกนุ่มนวล อ่อนหวานและความปลอดโปร่ง โล่งสบาย เพราะพื้นที่ส่วน ใหญ่หรือแทบทั้งหมดของภาพประเภทนี้ประกอบไปด้วยสีขาวหรือสีอ่อนๆ ในกลุ่ม “สีอุ่น” ดูแล้วสบายตา สบายใจดี
ในยุคที่ภาพสียังไม่เกิด ยุคที่มีแต่ภาพขาว-ดำหรือภาพเอกรงค์ล้วนๆ เรามักจะพบเห็นภาพไฮคีย์ได้บ่อยๆ ลักษณะ ของภาพจะมีพื้นที่เป็นสีขาว แล้วมีจุดสนใจของภาพเป็นโทนสีดำหรือสีที่เข้มกว่า จุดสนใจนี้จะมีขนาดเล็กประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ภาพทั้งหมดเท่านั้น แต่ในบริเวณพื้นที่ส่วนใหญ่อื่นๆ ของภาพ จะปล่อยให้เป็นพื้นที่สีขาวเปล่าๆ เหมือน กับกระดาษขาวแผ่นหนึ่งไม่ได้ หากปล่อยให้เป็นแช่นนั้นก็จะกลายเป็นภาพที่ไร้คุ้นค่า กลายเป็นภาพ “ถ่ายหลวม” มากๆภาพ หนึ่งเท่านั้นเอง ดังนั้นบนพื้นที่สีขาวนั้นจะต้องมีรายละเอียดอื่นๆ ที่สามารถสร้างเรื่องราวให้ภาพม ีความสมบูรณ์และสวยงาม อยู่ด้วย
ภาพไฮคีย์ของภาพสีก็เช่นเดียวกัน เราสามารถนำสีอ่อนๆ ที่จัดให้อยู่ในกลุ่ม “สีอุ่น” เช่น สีเหลืองอ่อน สีน้ำตาลอ่อน สีชมพูอ่อน รวมทั้งสีขาวมาวางไว้เป็นฉากหลังของภาพไฮคีย์ และไม่ว่าจะป็นภาพสีหรือภาพขาว-ดำ เมื่อเป็นภาพไฮคีย์แล้ว มักจะมีจุดสนใจของภาพเป็นสีเข้มกว่ามาตัดกับฉากหลังสีอ่อนเสมอ แต่ก็สามารถนำจุดสนใจที่มีโทนสีเดียวกับฉากหลังมา สร้างเป็นภาพไฮคีย์ได้เช่นกัน


ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า เมื่อใช้จุดสนใจที่มีสีเข้มมาวางบนภาพไฮคีย์ จุดสนใจนั้นควรจะมีขนาดไม่เกิน 5-10 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ภาพทั้งหมด แต่ถ้าจุดสนใจมีโทนสีใกล้เคียงกับฉากหลัง ขนาดของจุดสนใจจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็ได้ให้ พิจารณาดูตามความเหมาะสมเพื่อให้ภาพมีองค์ประกอบภาพที่สวยงาม ซึ่งส่วนมากจะเป็นภาพบุคคล (Portrait)
กว่าจะสร้างภาพไฮคีย์ดีๆ ขึ้นมาสักภาพหนึ่ง การเลือกหาจุดสนใจมาสร้างเรื่องราวเป็นเรื่องที่ต้องพิถีพิถันอย่างที่สุด ที่สำคัญก็คือไม่ควรสร้างเรื่องโศกเศร้าสะเทือนอารมณ์มาไว้ในภาพไฮคีย์เป็นอันขาด เพราะภาพที่มีโทนสีอ่อนเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกสดชื่นแจ่มใสสบายใจ
อย่างไรก็ตาม นอกจากจุดสนใจที่มีสีเข้มเป็นจุดเล็กๆ ในภาพไฮคีย์แล้ว ตรงพื้นที่สีอ่อนอื่นๆ อาจจะมีพื้นที่สีเข้มเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาประกอบร่วมอยู่ในภาพด้วย ซึ่งจะช่วยให้การตัดกันของสีดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างเรื่องราวหรือความโดดเด่น ให้แก่ภาพได้ ดีกว่าที่จะปล่อยให้มีแต่โทนสีอ่อนเกลี้ยงๆ หมดทั้งภาพ


นอกจากนี้ ภาพไฮคีย์ที่ดีนั้นไม่จำเป็นจะต้องมีสีอ่อนหรือสีขาวอย่างสม่ำเสมอเท่ากันทั่วทั้งภาพ อาจจะมีการเฉลี่ยสี และแสงให้ปะปนกันไปบ้างด้วยการให้แสงตกลงบนพื้นภาพต่างระดับกันเล็กน้อย เช่นจัดให้มีสีอ่อนมากอ่อนน้อยลดหลั่นกัน กระจายอยู่ในพื้นที่ของภาพอย่างกลมกลืน
การสร้างบรรยากาศแบบเพ้อฝันแก่ภาพไฮคีย์ด้วยการใช้แบ็คไลท์ที่เจิดจ้าแล้วเปิดหน้ากล้องกว้างๆ พยายามเน้นชัด เฉพาะจุดสนใจ ทำให้ส่วนที่ถูกแสงแบ็คไลท์ออกอาการขาวโพลนเหมือนกับการให้แสงโอเวอร์ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งสำหรับสร้าง ภาพไฮคีย์
วิธีถ่ายภาพไฮคีย์ที่ง่ายที่สุด คือการถ่ายภาพท่ามกลางสายหมอกหรือควันไฟ เพียงแต่ต้องแยกให้ออกว่าอย่างไรคือภาพไฮคีย์และอย่างไรคือภาพทิวทัศน์ การใช้ฟิลเตอร์พิเศษช่วยสร้างความนุ่มนวล คล้ายสายหมอกสร้างภาพไฮคีย์ได้เช่นกัน
การถ่ายภาพประเภทไฮคีย์ยังมีข้อควรระวังเป็นพิเศษอีกประการหนึ่ง คือการชดเชยแสง เนื่องจากเครื่องวัดแสงทั่วๆ ไปจะวัดแสงเฉลี่ยระดับกลางๆ เท่ากับสีเทากลาง 18 เปอร์เซ็นต์ แต่ภาพประเภทไฮคีย์จะมีสีขาว หรือสีอ่อนเป็นพื้นที่ส่วน ใหญ่ของภาพ จึงควรชดเชยแสงไปทางบวกเพื่อให้กล้องถ่ายภาพรับแสงมากกว่าที่เครื่องวัดแสงวัดได้ผลที่ออกมาจึงจะมีสี ขาว หรือสีอ่อนเหมือนจริง กล้องถ่ายภาพระบบดิจิตอลสามารถช่วยให้ผู้ถ่ายภาพปฏิบัติการได้ถูกต้องเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
สำหรับภาพ “โลว์คีย์” เมื่อคนใดคนหนึ่งพูดถึงภาพบันไดสีต่ำหรือภาพโลว์คีย์ เรามักจะนึกถึงภาพมืดๆ ดำๆ ของภาพ ขาว-ดำ ส่วนในภาพสีนั้นหลายคนยังนึกภาพไม่ออกว่าจะออกมาในลักษณะใด ความจริงแล้วภาพ “โลว์คีย์” ก็คือภาพที่มี โทนสีเข้ม หรือสีดำเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาพ ให้ความรู้สึกมืดมัว เศร้าหมอง และบางครั้งก็ดูลึกลับน่าสะพรึงกลัว


ภาพโลว์คีย์ส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีถ่ายภาพย้อนแสงเพื่อเน้นแสงเงาและริมไลท์ (Rim light) แสดงให้เห็นรูปร่างแบบ ลายเส้นของสิ่งที่เราถ่ายตัดกับความดำมืดในฉากหลัง อาจกล่าวได้ว่าการถ่ายภาพย้อนแสงให้มีแสงเงาตัดกันรุนแรง เป็นวิธี การสร้างภาพประเภทโลว์คีย์ได้ดีวิธีหนึ่ง
เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัว เราจะเห็นสิ่งที่จะนำมาถ่ายทำเป็นภาพโลว์คีย์ได้มากมายจนดูเหมือนว่าการถ่ายภาพ โลว์คีย์นั้นง่ายกว่าภาพไฮคีย์ เราจึงมักจะได้เห็นภาพประเภทโลว์คีย์นำออกแสดงสู่สายตาผู้ชมมากกว่าภาพประเภทไฮคีย์ กล่าวโดยทั่วไป ภาพโลว์คีย์ก็คือภาพที่มีลักษณะตรงกันข้ามกับภาพไฮคีย์ที่พูดถึงมาแล้วนั่นเอง ภาพไฮคีย์เป็นภาพที่มีพื้น ที่สว่างมากกว่า ส่วนภาพโลว์คีย์ก็จะมีพื้นที่มืดมากกว่า ภาพไฮคีย์ต้องถ่ายด้วยการชดเชยแสงไปทางบวก ส่วนภาพโลว์คีย์ ให้ชดเชยแสงไปทางลบ และเช่นเดียวกันภาพโลว์คีย์ที่มีจุดสนใจเป็นสีขาวหรือสีอ่อน จุดสนใจนั้นจะเป็นเพียงจุดเล็กๆ แต่ ถ้าจุดสนใจมีสีเข้มใกล้เคียงกับฉากหลัง จะไม่มีการจำกัดขนาดของจุดสนใจ ซึ่งส่วนมากเป็นภาพบุคคลหรือ Portrait
โดยทั่วๆ ไป นักถ่ายภาพ ส่วนมากนิยมถ่ายภาพที่มีสีสันสดสวยเฉลี่ยทั่วทั้งภาพ มากกว่าที่จะถ่ายภาพประเภทไฮคีย์ หรือโลว์คีย์ และมักจะใช้ “สีเย็น” อันได้แก่ สีฟ้า สีน้ำเงิน สีม่วง และสีดำ วางเป็นฉากหลัง และใช้ “สีอุ่น” อันได้แก่ สีแดง สีแสด สีเหลือง และสีขาว เป็นสีของจุดสนใจ โดยเหตุนี้การถ่ายภาพไฮคีย์จึงมีความยุ่งยากมากกว่าภาพโลว์คีย์ เพราะภาพ ไฮคีย์มี “สีอุ่น” เป็นฉากหลัง โดยมี “สีเย็น” เป็นจุดสนใจ ซึ่งตรงกันข้ามกับความนิยมของการถ่ายภาพสีทั่วๆ ไป โดยเฉพาะ อย่างยิ่งฉากหลังที่มีท้องฟ้าสีขาว กำแพงสีขาวและวัตถุสีขาวอื่นๆ มักถูกปฏิเสธจากบรรดานักถ่ายภาพส่วนใหญ่ ภาพไฮคีย์ จึงไม่ได้พบเห็นกันบ่อยนัก


อย่างไรก็ตาม ภาพไฮคีย์และภาพโลว์คีย์ เป็นภาพที่ต้องใช้เทคนิคพิเศษและใช้ความสามารถของนักถ่ายภาพมากกว่า ภาพธรรมดาภาพทั้งสองประเภทนี้จึงมักจะได้รับคะแนนจากคณะกรรมการตัดสินภาพมากกว่าภาพธรรมดาเสมอ
สิ่งสำคัญที่ควรรู้ไว้ก็คือ ภาพไฮคีย์ไม่ใช่ภาพที่ถ่ายโอเวอร์ และภาพโลว์คีย์ก็ไม่ใช่ภาพที่ถ่ายอันเดอร์

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ขั้นตอนวิธีการปรับแต่งภาพให้ชัดขึ้น photoshop

ขั้นตอนวิธีการปรับแต่งภาพให้ชัดขึ้น   photoshop
   การปรับแต่งภาพให้คมชัดเป็นถือว่าเป็นการแต่งภาพขั้นพื้นฐานที่นักแต่งรูป หรือแม้แต่นักออกแบบ ต้องทำเป็นโดยโปรแกรม Photoshop ก็ได้เตรียมเครื่องมือช่วยในการปรับภาพให้คมชัดขึ้นอย่างแน่นอนคือ คำสั่ง sharpen   การทำงานนั้นให้ดูตัวอย่างจากคลิปวิดิโอแล้ว แล้วผมก็จะอธิบายในส่วนของภาพไปอีกที่

1.ไปยังเมนู Fiter -> Sharpen --> Unsharp Mask
2.ปรับแต่งความคมชัดของภาพ
Amount : ปรับความคมชัด
Radius: ปรับความหนาของเส้น
Threshold : ปรับความคมชัดของ Pixel

เท่านี้ก็เสร็จสิ้นแล้วนะครับแต่หากคุณต้องการให้สีของภาพดูสดขึ้นก็สามารถเพิ่มได้ครับหรือจะจบขั้นตอนตงนี้เลยก็ได้
ปรับความสดของภาพด้วย Curves
1.ไปยังเมนู   Image -> Adjustments -> Curves..
2.ปรับเพิ่มแสงให้กับภาพตวามความพึงพอใจของเรา
เท่านี้ก็เสร็จสิ้นวิธีการปรับความคมชัดของภาพด้วยโปรแกรม Photoshop

ดูความแต่งต่างของภาพที่ปรับ

วิธีการเลือกซื้อเลนส์ สำหรับมือใหม่

วิธีการเลือกซื้อเลนส์ สำหรับมือใหม่

การเลือกซื้อเลนส์

   บางท่านที่ซื้อกล้องพร้อมเลนส์มากับชุดกล้อง ส่วนใหญ่จะเป็นช่วง 18-55 หรือ 18-135 คุณภาพของเลนส์ Kit หรือที่ติดมากับ Body คุณภาพ อาจจะไม่สูงมากครับ แต่ใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง หากเพิ่งเรียนหรือหัดถ่ายภาพ ตัวนี้คือ อาจารย์คนแรกเลยครับ เพราะราคาเลนส์ไม่สูงและใช้งานง่าย แถมยังเป็นเลนส์ยี่ห้อของกล้องอีกต่างหากครับ ส่วนท่านที่ซื้อเฉพาะ Body และมีความรู้ในการถ่ายภาพอยู่แล้วอาจจะมองเลนส์ Kit เป็นแค่เลนส์ทั่วไปและแตกต่างจากเกรดเลนส์ระดับโปรครับ ที่มีคุณภาพของชิ้นเลนส์ที่ดีกว่าครับ

   สำหรับช่วงในการของเลนส์ในกระเป๋า และใช้งานหลักๆควรมีเลนส์ไว้ 2ตัวครับ คือ ตัวที่ 1 คือช่วง Wide หรือ Normal ครับ ก็คือช่วง 18-55 เลนส์จำพวกนี้เหมาะกับการใช้งานทั่วไปอาทิเช่นงานถ่ายพิธี งานสังคม งานวันเกิด พกพาไปเที่ยว หรือเปรียบเทียบเท่ากับสายตาของคนเราระยะจะอยู่ที่ 50mm.ครับ ส่วนตัวที่2 คือเลนส์ช่วง Tele เลนส์ ช่วงนี้เหมาะงานที่ต้องการเจาะวัตถุของภาพครับ เช่น งานถ่ายภาพแฟชั่น ภาพบุคคลที่เห็นภาพหน้าชัดหลังเบลอ หรือถ่ายภาพกีฬา ภาพที่มีระยะทางไกลๆครับ

   ดังนั้นเลนส์ทั้ง 2 ประเภทจึงให้ความสำคัญที่ต่างกันครับ มีลูกค้าหลายคนสอบถามมาว่าทำไมไม่ใช่เลนส์ตัวเดียวที่มี2ช่วงเลย คำตอบก็ต้องขึ้นอยู่กับคนใช้ครับ เพราะช่วงแรกที่ซื้อกล้อง DSLR จะมีเลนส์ Kit ติดมา เลยไม่จำเป็นที่จะซื้อช่วงซ้ำครับ ดังนั้นจะเหมาะกับการซื้อกล้องเฉพาะ Body มา ครับ ที่ส่วนใหญ่จะใช้เลนส์แบบนี้ แต่อีกจุดหนึ่งที่สำคัญคือ เรื่องงบประมาณครับที่มีราคาสูงกว่า ครับ เรื่องชิ้นเลนส์ก็เป็นอีกปัจจัยในการเลือกซื้อด้วยครับ

   สำหรับเลนส์ที่บอกความสามารถและราคาว่าจะสูงหรือไม่ก็คือตัวชิ้นเลนส์ และขนาดรูรับแสงครับ ยิ่งมีจำนวนชิ้นเลนส์เยอะ และรูรับแสงยิ่งเปิดได้กว้างหรือตัวเลขค่า F น้อย ราคาก็ยิ่งแพงครับ (ตัวเลขน้อยๆ ยิ่งรับแสงเข้าผ่านกล้องได้มากๆ ช่วยในเรื่องถ่ายภาพในที่แสงน้อย และภาพฉากหลังเบลอๆครับ) ดังนั้นทั้ง 2 กรณีนี้จะเพิ่มความสามารถและราคาให้สูงขึ้นครับ
มีเลนส์อีกจำพวกหนึ่งที่เห็นกันตามท้องตลาด เป็นเลนส์ช่วงเดียวซึ่งไม่สามารถหมุนซูมได้ ได้แต่ถอยเข้าถอยออกจากตัววัตถุเองครับ (ถอยเข้าถอยออก คือการเดินครับ) เลนส์จำพวกนี้ เรียกว่าเลนส์ ฟิกส์ครับ จุดขายของเลนส์ฟิกส์ คือ เรื่องระยะการถ่ายมาโครครับ ได้ใกล้กว่าครับ และช่วงของรูรับแสงเลือกกว้างได้ตลอดช่วงเลยครับ แต่คนที่นิยมใช้จะเน้นเฉพาะกลุ่มจริงๆครับ

   ต่อมาเรามารู้จักยี่ห้อ และความแตกต่างของเลนส์นะครับ เริ่มที่ยี่ห้อของกล้องเองเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น Canon หรือNikon Olympus และอื่น ที่มีขายอยู่ทั่วไปครับ ต้องบอกก่อนนะครับว่าไม่สามารถนำเลนส์มาใส่แทนกันได้ ตัวอย่างเช่นเอาเลนส์จากยี่ห้อ Canon มาใส่กล้อง Nikon หรือเอาเลนส์ยี่ห้อ Olympus มาใส่กล้อง Canon ก็ใส่ไม่ได้ครับ เพราะเกลียวคนละแบบครับ ดังนั้นเวลาเลือกควรเลือกที่เป็นเกลียวของยี่ห้อกล้องเองไม่ว่าจะเป็นเลนส์ค่ายอิสระก็ตามครับ

   ตัวเลนส์ที่เป็นค่ายของกล้องเองจะมีคุณภาพของวัสดุที่ค่อนข้างดีกว่าครับ และอายุของชิ้นเลนส์ในการใช้จะนานกว่าครับ โดยเฉพาะเลนส์เกรดโปร ถ้าเก็บรักษาดีๆอาจอยู่ได้นานหลายสิบปีเลยครับ ข้อดีอีกอย่างคือระบบของกล้องเวลาใช้งานจะใช้ได้ทุกระบบแบบไม่มีปัญหาครับ เพราะออกแบบมาเฉพาะตัวกล้องครับ

   ส่วนเลนส์ที่เป็นค่ายอิสระจะออกแบบมาให้ใช้กับกล้องยี่ห้อต่างๆได้ครับ เพื่อช่วยในการตัดสินใจ เกี่ยวกับงบประมาณในการจะเลือกซื้อครับ อันดับแรกผมคงต้องบอกข้อดีก่อนนะครับว่าเลนส์อิสระดีอย่างไร จุดเด่นเลยคือราคาถูกครับ ถ้าเทียบเรื่องสีของภาพที่ได้ในบางตัวของเลนส์อิสระ ให้สีสันที่ดีและความคมของภาพ เท่าๆกับเลนส์แท้ที่เป็นระดับโปรของค่ายนั้นเลยครับ ถ้าถามก็ราคาต่างกันเยอะอยู่ครับ หรือจะเปรียบอีกอย่างก็คือจำนวนเงินที่เท่ากันเราสามารถซื้อรถญี่ปุ่นรุ่นTopที่มีลูกเล่นเยอะๆ (เลนส์คุณภาพสูงๆ จากค่ายอิสระ) แต่ถ้าไปซื้อรถยุโรปอาจจะได้รุ่น City car หรือ Compact car แค่ นั้น (เลนส์คุณภาพกลางๆ จากค่ายต้นแบบ) จุดนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด และเพิ่งเรียนรู้ในการถ่ายภาพครับ เลนส์ค่ายอิสระจึงเหมาะมากครับ เพราะเรื่องคุณภาพที่ใช้ได้ และราคาไม่แพง แต่จุดด้อยคือ เรื่องวัสดุในการผลิต อาจจะสู้ของค่ายต้นแบบได้ไม่เต็มที่นักครับ อายุการใช้งานอาจสั้นกว่าครับ และเลนส์บางตัวเมื่อใส่กับกล้องแล้วบางระบบอาจทำงานได้ไม่ครบฟังก์ชั่นครับ ดังนั้นถ้าตัดสินใจเลือกเลนส์จากค่ายอิสระ Mr. D2H แนะนำให้ลองใส่กับกล้องของตัวเองและใช้งานดูครับว่าใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชั่นหรือเปล่า เพราะว่าบางที่ผู้ขายเองก็อาจจะไม่รู้ทั้งหมดเนื่องจากผู้แทนจำหน่ายก็ไม่ได้บอกข้อมูลมาทั้งหมดครับ

   เอาล่ะเรามาดู…ตลาดเลนส์อิสระ ยี่ห้อที่มีคนใช้และนิยมกันมากก็จะมีอยู่ 2-3 ยี่ห้อด้วยกันคือ ยี่ห้อ Sigma,Tamron และ Tokina ครับ แต่ในเบื้องต้นผมของแนะนำ 2 ยี่ห้อก่อนล่ะกันกันนะครับ เนื่องจากเป็น 2 ยี่ห้อที่เกือบทุกคนที่เล่นกล้องคุ้นชื่อเป็นอย่างดีอยู่แล้วครับ เลนส์ 2 ยี่ห้อนี้ผลิตออกมาให้ใช้กับกล้องได้หลายยี่ห้อครับ แต่หลักๆก็คือ Canon Nikon Olympus ครับ ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้มีจุดเด่นจุดขายที่ต่างกันครับ แต่ราคาไม่ห่างกันมากครับ เริ่มที่ตัวSigma ก่อนนะครับ ยี่ห้อนี้จุดขายจะอยู่ที่สีครับ สีค่อนข้างสด หรือเรียกว่าคอนทรานส์จัด ในภาษาของช่างภาพครับ ส่วนถ้าเป็นยี่ห้อ Tamron จะให้สีที่ออกนุ่มนวล ตรงธรรมชาติครับ วัสดุในการผลิตจะดีกว่า Sigma ครับ ทั้ง 2 ยี่ห้อ มีช่วงเลนส์ให้เลือกหลากหลายครับ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานครับและก็มีหลายเกรดให้เลือกด้วยเช่นกันครับ ตั้งแต่หลักหมื่นต้นๆ ไปถึงเลขหกหลักครับ

   ดังนั้นเลนส์ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ได้รับความนิยมอย่างมากครับ สำหรับนักถ่ายภาพมือใหม่ เพื่อฝึกฝนก่อนจะเป็นมืออาชีพในอนาคตครับ

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สอนปรับสีใน VSCO/no.2 ᗧlightblueᗤ

สอนปรับสีใน VSCO/no.2 ᗧlightblueᗤ 

............................รูปก่อนปรับสี - BEFORE LIGHTBLUE
.......................⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒
.........................ฟิลเตอร์ที่ใช้เป็น SE3 หรือ S2 นะครับ (โหลดฟรี)
...........................
ที่มา http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=4093239

สอนปรับสีใน VSCO [blue&orange]







.................................รูปก่อนปรับสี - BEFORE ORANGE
.......................⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒
.............................ฟิลเตอร์ที่ใช้เป็น HB1 นะครับ (โหลดฟรี)
...........................
O R A N G E E • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - •
............╱ ╲╱ ╲╱╲╱╲╱╲╱╲╱╲╱╲╱╲╱╲╱╲╱╲╱╲

.................................รูปก่อนปรับสี - BEFORE BLUE
.......................⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒⌒
.............................ฟิลเตอร์ที่ใช้เป็น HB1 นะครับ (โหลดฟรี)
...........................
B L U E E E E • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - • - •
...��ҧ�ԧ http://sz4m.com/b4092664

7 เทคนิครูปเก๋ด้วยสมาร์ทโฟน ทำง่าย แต่สวยแหวกแนว

7 เทคนิครูปเก๋ด้วยสมาร์ทโฟน ทำง่าย แต่สวยแหวกแนว

นะนำ 7 เคล็ดไม่ลับ สำหรับคนชอบถ่ายรูปด้วยสมาร์ทโฟน ที่รับรองว่าทำตามได้ง่ายมากๆ แถมยังประหยัดเงินด้วยอุปกรณ์ที่หาได้รอบตัว…

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟน และต้องการความแปลกใหม่ในการถ่ายภาพแบบสร้างสรรค์ หรืออยากได้อารมณ์ประมาณว่าคนอื่นเห็นแล้วต้องร้องว้าว!!! แต่ไม่อยากลงทุนซื้ออุปกรณ์เสริมแพงๆ มาใช้ วันนี้เรามี 7 เทคนิคง่ายแสนง่ายมาแนะนำ แถมรับประกันว่าทำได้เองแบบไม่เดือดร้อนใคร รวมถึงเงินในกระเป๋าสตางค์ จากคลิปวิดีโอที่ถูกบอกต่อกันอย่างแพร่หลายทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งมีผู้เข้าชมทะลุ 4,000,000 ราย!
อุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องเตรียมไว้เป็นตัวช่วย เช่น หูฟัง , แผ่นฟรอยด์กันแดด , กล้องส่องทางไกล , แก้วน้ำ

คลิปวิดีโอในชื่อ 7 Smartphone Photography Tips & Tricks หรือ 7 เคล็ดลับเพื่อการถ่ายภาพสมาร์ทโฟน โดยผู้เผยแพร่ที่ชื่อ "COOPH" ได้บรรยายถึงวิธีง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้เอง เพื่อสร้างสรรค์ภาพสวยผ่านสมาร์ทโฟน ดังนี้…

1. แค่ถ่ายพาโนรามา ก็มีฝาแฝดได้
Panorama Sequence หรือการถ่ายพาโนราม่าอย่างต่อเนื่องนี้ เราจะต้องปรับกล้องหรือเลือกใช้แอพพลิเคชั่นถ่ายภาพไปที่โหมดพาโนรามา จากนั้นให้เริ่มต้นการถ่ายด้วยมุมด้านข้าง ข้างใดข้างหนึ่ง จะซ้าย หรือขวา ก็เลือกได้ตามที่คุณถนัด หลังจากนั้นผู้ถ่ายก็จะต้องค่อยๆ เลื่อนมือเป็นระนาบในแนวนอนอย่างช้าๆ ต้องเว้นจังหวะให้ผู้ที่เป็นแบบในภาพสามารถเคลื่อนที่ เพื่อเปลี่ยนจุดที่ปรากฏในภาพถ่ายไปได้เรื่อยๆ... แค่นี้ก็จะได้ภาพที่ดูเหมือนว่าคุณมีฝาแฝดหรือถูกโคลนนิ่งโผล่อยู่หลายที่ในภาพ เป็นอีกภาพที่สวย แปลก และแนวได้ใจจริงๆ
ยืนนิ่งๆ เมื่อกล้องแพลนมาจับภาพ และรีบวิ่งไปอีกมุมให้ทัน เมื่อกล้องเคลื่อนไปแล้ว
ถ่ายสำเร็จก็ได้ภาพแนวๆ แบบนี้ ทั้งที่มีนายแบบคนเดียว
แบบนี้ก็สวยมีสไตล์

2. ขับไปพาโนรามาไป !
Pano Drive-By ก็หมายความได้ตรงตัวคือ... การถ่ายพาโนรามาขณะที่คุณกำลังนั่งอยู่บนรถ หรือพาหนะที่เคลื่อนที่นั่นเอง ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องขับรถไปถ่ายรูปไปหรอกนะ เปิดโหมดพาโนรามา แล้วก็แค่ถือสมาร์ทโฟนเอาไว้ให้มั่น ปล่อยให้พาหนะของคุณเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ อยากหยุดการถ่ายตอนไหนก็ลองเช็กภาพได้เลยว่าสวยถูกใจหรือเปล่า แต่ภาพแนวนี้น่าจะเหมาะกับการถ่ายวิวทิวทัศน์ มากกว่าจะถ่ายเซลฟี่นะ
เปิดพาโนรามาตอนนั่งอยู่บนรถ...

3. ฟิชอายแบบเนียนๆ
ลองเปลี่ยนมาสู่การถ่ายภาพแบบที่ต้องมีตัวช่วยกันซักหน่อย... การถ่ายประเภทนี้จำเป็นต้องใช้เลนส์ซูมของกล้องส่องทางไกลเข้ามาช่วย แค่ใช้มือหนึ่งถือสมาร์ทโฟนเปิดโหมดพร้อมถ่ายภาพ และอีกมือถือกล้องส่องทางไกลเอาไว้ และใช้สมาร์ทโฟนเล็งภาพผ่านกล้องส่องทางไกล เพียงแค่นี้ก็จะทำให้ภาพของคุณดูคล้ายถ่ายภาพเลนส์ฟิชอายได้เนียนๆ
วางกล้องให้ถ่ายผ่านเลนส์ส่องทางไกล

4. มาโครเลนส์แบบ D.I.Y.
เทคนิคที่แนะนำนี้ดูเหมือนจะต้องใช้ความสามารถอยู่ซักหน่อย เพราะเขาแนะนำให้คุณหยดน้ำลงบนเลนส์สมาร์ทโฟนซัก 1 หยด ซึ่งทางที่ดีก็ควรจะเป็นกล้องหลัง จากนั้นก็เหมือนว่าคุณได้แปลงร่างสมาร์ทโฟนคู่ใจให้เหมือนติดเลนส์มาโครพลังซูมร้อยแรงม้า ใช้สำหรับขยายภาพเล็กให้ใหญ่เบิ้มในพริบตา เช่น มด แมลง หรือตัวอักษรที่เล็กจิ๋ว แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องยื่นกล้องไปให้ใกล้ๆ วัตถุที่ต้องการถ่ายมากเป็นพิเศษ
หยดน้ำลงไปซักหยด แค่นี้ก็กลายเป็นเลนส์ซูเปอร์ซูมให้คุณแล้ว
ซูมกันแบบใกล้ชิดสุดๆ เห็นรายละเอียดของมด แมลง แมงมุม

5. รีเฟล็กซ์ประจำตัว!
ใครอยากมีใบหน้าขาวผ่องเวลาถ่ายภาพขอเชิญทางนี้... แผ่นกันแดด หรือแผ่นฟอยล์สะท้อนความร้อนที่นิยมใช้วางบริเวณกระจกหน้ารถยนต์นั้นช่วยคุณได้อย่างมาก! เพียงแค่ให้นางแบบ นายแบบของคุณ ช่วยถือแผ่นฟอยล์กันแดดในบริเวณช่วงท้องหรือต้นขาของพวกเขา แล้วให้คุณแชะภาพในช่วงโคลสอัพหรือประมาณครึ่งบนของตัว เท่านี้ก็เพิ่มความมีมิติให้ภาพ แถมยังดูขาวสว่างและนุ่มนวลได้มากขึ้นอีกเยอะเลย
แค่ถือรีเฟล็กซ์ส่วนตัว... ภาพเปลี่ยนไปมากเลย

6. ถ่ายมุมกว้างง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งไม้เซลฟี่
เทคนิคนี้สะดวกสบายมากขึ้นถ้าคุณมีอุปกรณ์จำพวกขาตั้ง หรือที่วางสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว ก็แค่นำสมาร์ทโฟนติดตั้งเข้ากับอุปกรณ์ประเภทดังกล่าว จากนั้นก็เสียบสายหูฟังเข้ากับตัวเครื่อง ซึ่งผู้ใช้ไอโฟน ไอแพด จะสามารถกดปุ่มเครื่องหมาย "+" บนสายของหูฟังเพื่อกลายเป็นเทคนิคการถ่ายภาพแทนการกดด้วยนิ้วมือนั่นเอง
วางสมาร์ทโฟนบนขาตั้ง เสียบหูฟัง แล้วก็กดถ่าย...
ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นมุมกว้างได้ขนาดนี้ โยนไม้เซลฟี่ทิ้งได้เลย!

7. กล้องใต้น้ำแบบประหยัด!
คุณเคยใฝ่ฝันอยากถ่ายภาพใต้น้ำบ้างมั้ย? แต่จะให้ลงทุนซื้อกล้องแบบที่ถ่ายใต้น้ำได้ก็กลัวจะสิ้นเปลืองเกินไป แต่งานนี้รับรองว่าคุณจะได้สมปรารถนา... แค่ใช้แก้วใสๆ แค่ 1 ใบ แล้วใส่สมาร์ทโฟนของคุณลงไปโดยให้ด้านที่เป็นเลนส์ถ่ายภาพนั้นอยู่ที่ด้านล่างของแก้ว จากนั้นก็แชะๆๆ ได้ตามสไตล์ อาจจะไม่มีคุณสมบัติถ่ายภาพใต้น้ำลึกได้เหมือนกล้องเฉพาะทางเหล่านั้น แต่ก็สามารถสร้างสรรค์มุมมองให้ภาพของคุณน่าสนใจขึ้นไม่น้อย ยังไงก็แนะนำว่าเก็บไว้ถ่ายในน้ำตื้นๆ ก็พอนะ เดี๋ยวน้ำจะกระฉอกเข้าไปในแก้วล่ะแย่เลย.
หย่อนมือถือลงแก้วใส แค่นี้ก็ถ่ายรูปได้เหมือนกล้องใต้น้ำ
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/462933